การให้อาหารที่เหมาะสมตามช่วงวัยเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สุนัขมีสุขภาพแข็งแรง เติบโตอย่างสมบูรณ์ และมีพลังงานเพียงพอสำหรับกิจกรรมในแต่ละวันสุนัขในแต่ละช่วงวัยมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันการเลือกอาหารที่เหมาะสมจึงช่วยให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีและอายุยืนยาว

1. ลูกสุนัขแรกเกิด – 2 เดือน: ช่วงเวลาของนมแม่และการเริ่มต้นอาหารแข็ง

1.1 นมแม่: อาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัขแรกเกิดลูกสุนัขแรกเกิดควรได้รับนมแม่เป็นหลักในช่วง 4-6 สัปดาห์แรก เนื่องจากนมแม่มีสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เช่น คอลอสตรัม (Colostrum) ซึ่งช่วยป้องกันโรคและเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง

  • ** กรณีที่ลูกสุนัขกำพร้าหรือไม่ได้รับนมแม่เพียงพอ **
  • ใช้นมสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการใช้นมวัว เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสียป้อนนมด้วยขวดนมหรือไซริงค์ โดยแบ่งให้บ่อย ๆ ประมาณทุก 2-3 ชั่วโมง

1.2 การเริ่มต้นอาหารแข็งคนส่วนใหญ่มักจะเริ่มเลี้ยงสุนัขหลังจากหย่านมแล้ว คือ ช่วงอายุประมาณ 2-4 เดือน ซึ่งเป็นวัยที่ไม่ควรเปลี่ยนอาหารมากเท่าไรนัก เพราะอาจจะทำให้ปวดท้องได้ ฉะนั้นคนขายมักจะแนะนำและบอกข้อมูลของอาหารชนิดเดิมมาให้เสมอ เพื่อให้ผู้เลี้ยงนำมาผสมกับอาหารใหม่ได้อย่างเหมาะสม โดยในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก ควรผสมอาหารใหม่ในปริมาณเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งลูกสุนัขรู้สึกคุ้นเคยกับอาหารเมื่ออายุประมาณ 3-4 สัปดาห์ ลูกสุนัขสามารถเริ่มกินอาหารเม็ดที่แช่น้ำอุ่นหรือนมสำหรับลูกสุนัขให้มีเนื้อนุ่มขึ้น อาหารควรเป็นสูตรสำหรับลูกสุนัขที่มีโปรตีนสูง เพื่อช่วยให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรงควรให้อาหาร 4-6 มื้อต่อวัน เพื่อให้ลูกสุนัขได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ

2. ลูกสุนัขอายุ 2 – 6 เดือน: ช่วงพัฒนาการและการเสริมสร้างร่างกาย ช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่ลูกสุนัขเติบโตเร็วมาก และมีความต้องการพลังงานสูง ควรให้อาหารที่มีโปรตีนและไขมันสูง โดยแบ่งอาหารเป็น 3-4 มื้อต่อวันโดยหากมีการเปลี่ยนอาหาร ให้สังเกตพฤติกรรมของสุนัขทุกครั้งที่เปลี่ยน เพราะสุนัขอาจจะเกิดอาการแพ้อาหารได้ สำหรับความถี่ในการให้อาหารลูกสุนัขวัย 4 เดือนขึ้นไป สามารถลดลงมาเหลือวันละประมาณ 2 ครั้งได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดปริมาณให้พอดี อย่าให้มากหรือน้อยเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมา

2.1 คุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญโปรตีน (Protein): ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและการเจริญเติบโต ควรมีสัดส่วนโปรตีนไม่น้อยกว่า 22-32%แคลเซียมและฟอสฟอรัส: ช่วยในการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรงDHA และโอเมก้า

3: มีความสำคัญต่อพัฒนาการของสมองและการเรียนรู้วิตามินและแร่ธาตุ: เช่น วิตามิน A, D, E และสังกะสีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

2.2 การเลือกประเภทอาหารควรให้อาหารเม็ดสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ เนื่องจากมีสัดส่วนสารอาหารที่เหมาะสมสามารถเสริมด้วยเนื้อสัตว์สุก เช่น ไก่หรือปลา แต่อย่าใส่เครื่องปรุงหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของเกลือ น้ำตาล หรือของทอด

3. สุนัขวัยรุ่น (6 เดือน – 1 ปี): ช่วงปรับตัวและสร้างนิสัยการกินเมื่ออายุ 6 เดือน สุนัขเริ่มมีพัฒนาการสมบูรณ์มากขึ้น และต้องการสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างร่างกาย

3.1 การปรับพฤติกรรมการกินลดจำนวนมื้ออาหารเหลือวันละ 2-3 มื้อเริ่มให้อาหารที่มีไฟเบอร์มากขึ้น เพื่อช่วยในระบบย่อยอาหารหลีกเลี่ยงการให้อาหารขนมหรือของกินเล่นบ่อยเกินไป เพื่อป้องกันโรคอ้วน

4. สุนัขโตเต็มวัย (1 ปีขึ้นไป): การควบคุมอาหารและน้ำหนักเมื่อสุนัขโตเต็มวัย ความต้องการพลังงานจะลดลง ควรควบคุมปริมาณอาหารให้เหมาะสม เพื่อป้องกันปัญหาโรคอ้วนและโรคเกี่ยวกับข้อกระดูก4.1 ปริมาณและประเภทอาหารที่ควรให้สุนัขขนาดเล็ก (<10 กก.): ควรได้รับพลังงานประมาณ 300-400 กิโลแคลอรีต่อวันสุนัขขนาดกลาง (10-25 กก.): ควรได้รับพลังงานประมาณ 600-800 กิโลแคลอรีต่อวันสุนัขขนาดใหญ่ (>25 กก.): ควรได้รับพลังงาน 1,200-2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน

5. สุนัขสูงวัย (7 ปีขึ้นไป): โภชนาการสำหรับสุนัขวัยชรา

เมื่อสุนัขอายุมากขึ้น ระบบเผาผลาญจะลดลง ควรเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำ และมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงข้อ กระดูก และสมอง

5.1 อาหารที่เหมาะกับสุนัขสูงวัยอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูง แต่มีไขมันต่ำ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคอ้วนอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และกลูโคซามีน เพื่อบำรุงข้อต่อโดยวิธีเลือกสูตรอาหารให้เหมาะสมกับสุนัขแก่แต่ละตัวจะแตกต่างกันไปตามพฤติกรรม สุขภาพ และสภาพร่างกาย สามารถปรึกษาสัตวแพทย์หรือสังเกตด้วยตัวเองก็ได้ ตัวอย่างเช่น สุนัขที่ทำกิจกรรมน้อยลง ให้เปลี่ยนมาใช้อาหารสูตรไดเอตที่มีปริมาณแคลอรีและไขมันน้อยกว่าปกติเพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักเกิน พร้อมทั้งเพิ่มไฟเบอร์ช่วยเสริมการย่อยสลาย และโปรตีนช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงไปในตัว หรือสุนัขที่เป็นโรคไขข้ออักเสบ ให้เปลี่ยนมาใช้อาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และกรดไขมันเพื่อช่วยลดอาการอักเสบ พร้อมทั้งเพิ่มกลูโคซามีนและคอนดรอยทินเพื่อช่วยเสริมข้อต่อให้แข็งแรง นอกเหนือจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มหรือมีโซเดียมสูง เพราะจะทำให้สุนัขแก่เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและโรคไตได้ง่าย โดยควรหันมาบริโภคสาหร่ายทะเลบ่อย ๆ เพราะอุดมไปด้วยไอโอดีนที่ช่วยเสริมการทำงานของต่อมไทรอยด์ หรือจะเป็นเมล็ดจากต้นลินินหรือเมล็ดแฟลกซ์ก็ดีงามไม่แพ้กัน เพราะช่วยบำรุงสุขภาพได้หลายอย่าง เช่น ช่วยดูแลอวัยวะในร่างกายและบำรุงผิวพรรณให้ดูดี

5.2 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ เพื่อให้ย่อยง่ายขึ้นหากสุนัขมีปัญหาเรื่องฟัน ควรเลือกอาหารเม็ดที่มีขนาดเล็ก หรืออาหารเปียกการให้อาหารสุนัขตามช่วงวัยช่วยให้พวกเขามีสุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรค และมีอายุยืนยาว ควรเลือกอาหารที่เหมาะสม และหมั่นสังเกตพฤติกรรมการกินของสุนัข เพื่อปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสุขภาพของพวกเขา

“อยากให้เจ้าตูบแข็งแรงและมีอายุยืนยาว? เลือกอาหารให้เหมาะกับวัยคือกุญแจสำคัญ! อ่านเคล็ดลับฉบับเต็มได้ที่ Doggy World แล้วมาเปลี่ยนมื้ออาหารให้เป็นมื้อสุขภาพสำหรับน้องหมาของคุณกันเถอะ! 🦴💛”

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก

https://www.purina.co.th/articles/dogs/feeding/guides/nutritions-each-life-stage

https://pet.kapook.com/view218242.html

https://www.talingchanpet.net/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%82%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2/


0 Comments

Leave a Reply

Avatar placeholder

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Facebook