
(1) วัคซีนรวม (DHPP)
เป็นการป้องกันโรคที่มีความเสี่ยงและรุนแรงหลายโรคในเวลาเดียวกัน จำเป็นต้องฉีดทุกตัว ไม่ว่าพันธุ์ไหนหรืออาศัยอยู่ที่ใด
ป้องกันโรคไข้หัดสุนัข (Distemper)
ไวรัสลำไส้อักเสบ (Parvovirus)
ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis)
หวัดสุนัข (Parainfluenza)
โรคฉี่หนู (Leptospirosis)
เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6-8 สัปดาห์ และฉีดกระตุ้นตามกำหนด

(2) วัคซีนพิษสุนัขบ้า (Rabies Vaccine)
เป็นวัคซีนที่สำคัญมากทั้งสำหรับสัตว์เลี้ยงและความปลอดภัยของคนรอบข้าง เนื่องจากโรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่มีอัตราการรุนแรงและอันตรายสูง ซึ่งสามารถติดต่อจากสัตว์ไปยังมนุษย์ได้ผ่านการกัดหรือข่วนโดยสัตว์ที่ติดเชื้อ
ฉีดเมื่ออายุประมาณ 3 เดือน และกระตุ้นทุกปี

(3) วัคซีนป้องกันโรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis Vaccine)
เป็นวัคซีนที่มีความสำคัญสำหรับสุนัขที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสกับแบคทีเรีย Leptospira ซึ่งพบได้ในแหล่งน้ำสกปรกหรือสิ่งแวดล้อมที่มีสัตว์ติดเชื้อ เช่น หนูและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรีย แบคทีเรีย Leptospira สามารถทำให้เกิดโรครุนแรงในสุนัขและยังสามารถติดต่อสู่คนได้ ทำให้วัคซีนนี้มีความสำคัญทั้งในด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงและการรักษาความปลอดภัยของคนในครอบครัว
เริ่มฉีดได้ตั้งแต่ประมาณ 8 สัปดาห์ ขึ้นไป และฉีกกระตุ้นทุกปี

(4) วัคซีนป้องกันโรคโคโรนาไวรัสสุนัข (Canine Coronavirus)
เป็นวัคซีนที่จัดอยู่ในกลุ่มวัคซีนเสริม โดยทั่วไปจะใช้ในกรณีที่สุนัขมีความเสี่ยงหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่อาจสัมผัสเชื้อไวรัสโคโรนาไวรัสสุนัข (CCoV) ซึ่งส่วนใหญ่จะส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร ป้องกันโรคในระบบทางเดินอาหาร โรคโคโรนาไวรัสสุนัขส่วนใหญ่มักทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และบางครั้งอาจเกิดภาวะขาดน้ำในสุนัขได้ การฉีดวัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงของอาการเหล่านี้
เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป และฉีดกระตุ้นทุกปี
คำแนะนำสำหรับเจ้าของสุนัข
• เก็บสมุดวัคซีนไว้ให้ดี ใช้เป็นหลักฐานเมื่อนำสุนัขเดินทางหรือเข้ารับบริการต่างๆ
• ควรพาสุนัขไปตรวจสุขภาพและรับวัคซีนตามกำหนดกับสัตวแพทย์
• อย่าลืมฉีดกระตุ้นเป็นประจำทุกปี
ขอขอบคุณแหล่งที่มา
https://www.utmost-pet.com/articles/vaccine-dog/
0 Comments