เลือกปลอกคอสุนัขแบบไหนเหมาะ 🐕‍🦺🏠

ปลอกคอสุนัขนอกจากจะเป็นการบ่งบอกหรือแสดงถึงการมีเจ้าของ และเป็นเครื่องประดับแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มีประโยชน์สำหรับการฝึกหรือใช้จูงด้วยค่ะ โดยการเลือกปลอกคอสุนัขสักเส้นนั้น เราจะต้องพิจารณาจากตัวของสุนัขของเราเป็นหลัก ปลอกคอสุนัขทั่วไป Basic collars / everyday collars  แบบแบนหรือแบบกลม  เป็นปลอกคอสุนัขทั่วไปที่เราเห็นกันบ่อย หาได้ง่ายตามท้องตลาด  ส่วนใหญ่จะเป็นปลอกคอหนังสายแบนและสายกลม ที่มีหัวเป็นเหมือนหัวเข็มขัด มีความแข็งแรงคงทน หลายสไตล์หลาก สีสัน มีให้เลือกเป็นแฟชั่นในการแต่งตัวให้น้องหมาได้เลย ข้อเสียคืออาจจะยุ่งยากในการใส่และถอด รวมถึงเปื่อยง่ายและมีกลิ่นอับชื้นได้ง่ายเมื่อเปียกน้ำ ปลอกคอแบบนิรภัย (Break-Away Collars หรือ Quick-Release Collars)  เป็นปลอกคอสุนัขที่นิยมใช้กันมากในขณะนี้ เพราะมีตัวล็อคทรงกล้ามปูไว้สำหรับถอด ทำให้ใช้ง่าย ถอดหรือใส่ได้สะดวก ปลอกคอชนิดนี้ส่วนใหญ่ทำมาจากไนลอนมีสีสันลวดลายหลากหลาย ราคามีตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพง เปลี่ยนได้บ่อยตามความชื่นชอบ ข้อเสียถ้าเป็นไนลอนอาจขาดง่าย และส่วนตัวล็อคทรงก้ามปูก็อาจหลุดหรือหักชำรุดง่าย (ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของวัสดุที่ใช้) ปลอกคอแบบสายรัดอก (Harnesses)  เป็นปลอกคอสุนัขทางเลือกเหมาะสำหรับสุนัขที่ชอบเดินนำหน้าลากเจ้าของ ยากจะควบคุม และหันเหความสนใจได้ง่าย โดยสายรัดอกนี้จะรัดช่วงอกและท้องอ้อมไปถึงหลัง Read more…

แนะนำกีฬาสำหรับสุนัข

แน่นอน! การเล่นกีฬากับสุนัขไม่เพียงแต่ช่วยให้สุนัขได้ออกกำลังกาย แต่ยังส่งเสริมพัฒนาการทางสมองและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเจ้าของกับน้องหมาด้วย นี่คือกีฬายอดนิยมที่เหมาะสำหรับสุนัข 1. Hurdle Jumps (เครื่องกระโดดข้ามรั้ว) เป็นบาร์ให้น้องหมากระโดดข้าม ซึ่งความสูงของบาร์ในการกระโดดข้ามนั้น จะวัดจากขนาดความสูงของน้องหมา 2. Weaving Poles (เสาซิกแซก) เป็นต้นเสาสูงประมาณ 1 เมตร จำนวน 6-12 ต้น ห่างกันต้นละประมาณ 50 ซม. โดยน้องหมาต้องวิ่งเข้าจากทางด้านขวาของเสาต้นแรกทุกครั้ง และวิ่งเป็นแนวซิกแซกจนครบทุกเสา 3. Contact Obstacles (เครื่องกีดขวางสัมผัส) เหตุผลที่เรียกว่า เครื่องกีดขวางสัมผัส เพราะจุดขึ้นลงของแต่ละจุด จะทาด้วยสีเหลืองเพื่อเป็นจุดสัมผัสบังคับให้น้องหมาต้องเหยียบอย่างน้อยหนึ่งเท้า โดยเครื่องกีดขวางสัมผัสประกอบไปด้วย Dog walk (สะพาน), A-Frame (กระดานสามเหลี่ยม) , Read more…

🐶🐶วิธีแปลงฟันสุนัขให้ถูกต้อง🪥🪥

❗️รักน้องหมา อย่าลืมดูแลสุขภาพฟันน้องด้วยนะ❗️ 📍มีทั้งหมด 7 ขั้นตอน เรามาดูไปด้วยกันเลย📍 ✅ ขั้นตอนที่ 1 เลือกแปรงสีฟันและยาสีฟันที่เหมาะสม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบเพื่อการแปรงฟันให้หมาโดยเฉพาะ ยาสีฟันควรเป็นสูตรพิเศษ มีรสชาติที่น้องหมาชื่นชอบ ไม่ควรใช้ยาสีฟันของคนโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายกับน้องหมาได้ ✅ ขั้นตอนที่ 2 ฝึกแปรงฟันให้หมาน้อยของคุณในมุมที่เงียบสงบ การเลือกสถานที่เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญเมื่อต้องแปรงฟันน้องหมาเป็นครั้งแรก เพื่อให้พวกเค้ารู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวมากที่สุด การแปรงฟันควรเป็นประสบการณ์ที่ดีและสนุกสำหรับน้องหมา ขณะที่แปรงฟันให้นั่งข้างหน้าหรือข้าง ๆ พวกเค้า แทนการนั่งโอบจากด้านหลัง หรือตรึงให้นอนลงกับพื้น ✅ ขั้นตอนที่ 3 ให้ชิมรสชาติยาสีฟัน บีบยาสีฟันปริมาณเล็กน้อยลงบนนิ้ว จากนั้นลองให้น้องหมาชิมรสชาติ โดยน้องหมาควรมีท่าทีอยากเลียหรือกินยาสีฟันเข้าไป ✅ ขั้นตอนที่ 4 ฝึกให้คุ้นชินกับการสัมผัสภายในช่องปาก เริ่มจากบีบยาสีฟันลงบนนิ้ว ใช้มืออีกข้างจับไปที่บริเวณปากด้านข้าง แล้วใช้นิ้วดันริมฝีปากบนขึ้นเล็กน้อย Read more…

พาสุนัขไปเที่ยวยังไงให้ปลอดภัยและสนุก?

พาสุนัขไปเที่ยวยังไงให้ปลอดภัยและสนุก? 🐶✈️ การพาน้องหมาไปเที่ยวเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ แต่เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น เจ้าของต้องมีการเตรียมตัวที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยรถยนต์ หรือไปพักที่โรงแรมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง มาดูกันว่าควรเตรียมอะไรบ้าง! 🏨 เลือกโรงแรมหรือที่พักแบบ Pet-Friendly – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าที่พักอนุญาตให้นำสุนัขเข้าพัก และมีพื้นที่ให้น้องหมาวิ่งเล่นได้🏕️ เลือกสถานที่เที่ยวที่ปลอดภัย – หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีสัตว์ป่า หรือจุดอันตราย เช่น หน้าผาสูงหรือแม่น้ำที่มีกระแสน้ำแรง🛑 ศึกษากฎระเบียบของสถานที่ต่างๆ – บางที่อาจจำกัดขนาดหรือสายพันธุ์ของสุนัข ควรตรวจสอบก่อนเดินทาง “ การพาสุนัขไปเที่ยวเป็นโอกาสดีที่จะได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน แต่ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้ทั้งคุณและเจ้าตัวโปรดปลอดภัยและสนุกสนานตลอดทริป เที่ยวสนุก สุขใจ ปลอดภัยสำหรับน้องหมา” 🐶✨ ขอบคุณแหล่งข้อมูลดีๆจากhttps://www.hospetal.co.th/content/3908/43-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5 https://www.mazdajp.com/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7/

ทำไมสุนัขถึงชอบเห่าตอนกลางคืน ? 🐶🌑

คุณเคยสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะเสียงหอนของสุนัขไหม? ทำไมหมาถึงเห่า น้องหมาเห็นผีหรือเปล่า? พฤติกรรมนี้มีหลายสาเหตุ การหาสาเหตุของพฤติกรรมเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณจัดการความต้องการของน้องหมาและทำให้คุณและเพื่อนขนปุยได้นอนหลับอย่างสงบ😴 1.การสื่อสาร หนึ่งในสาเหตุหลักที่น้องหมาหอนตอนกลางคืนคือการสื่อสารระยะไกล เช่นเดียวกับหมาป่า สุนัขใช้การหอนเพื่อส่งข้อความไปยังสุนัขตัวอื่นๆ บอกให้รู้ถึงตำแหน่งของตนเองหรือเพื่อตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยินจากที่ไกลๆ เมื่อหมาหอนตอนเที่ยงคืนอาจกำลังสื่อสารกับสุนัขตัวอื่นหรือเตือนเพื่อนร่วมฝูงถึงผู้บุกรุกที่เข้ามาใกล้ 2.นิสัยเฉพาะของสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์เล็กบางสายพันธุ์มีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะหอน เช่น บีเกิ้ลมักจะหอนเพื่อสื่อสารระหว่างการล่า เช่นเดียวกับยอร์กเชอร์เทร์เรียร์และชิวาวาที่ถึงจะตัวเล็กแต่ก็มักจะหอนด้วยนิสัยที่ตื่นตัวและชอบส่งเสียง สายพันธุ์เหล่านี้ได้รับการคัดเลือกสายพันธุ์ให้มีความสามารถในการส่งเสียงที่ดีขึ้น ทำให้มีแนวโน้มที่จะหอนมากกว่าสายพันธุ์อื่น 3.สิ่งเร้าภายนอก สิ่งกระตุ้นทั่วไปที่ทำให้หมาหอนกลางดึกคือเสียงสูง เช่น เสียงไซเรน เครื่องดนตรี หรือแม้แต่เสียงนาฬิกาปลุกก็สามารถเลียนแบบเสียงหอนของสุนัขตัวอื่น ทำให้พวกเขาตอบกลับด้วยเสียงหอนเหมือนกัน น้องหมายังไวต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมหรือกิจวัตรประจำวัน หากบริเวณที่น้องหมานอนไม่สบายตัว อาจทำให้พวกเขาหอนเพื่อบ่นได้ 4. พฤติกรรมการป้องกันเขตแดน อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หมาหอนกลางคืนคือพฤติกรรมการป้องกันเขตแดน เช่นเดียวกับหมาป่า เมื่อสุนัขหอนตอนกลางคืน พวกเขากำลังส่งเสียงเพื่อแสดงอาณาเขต หากน้องหมารับรู้ถึงการบุกรุกของสุนัขตัวอื่นในพื้นที่ของพวกเขา ก็จะหอนเพื่อเตือนผู้บุกรุกและบอกให้สมาชิกฝูงของตัวเองรู้ การหอนเพื่อป้องกันเขตแดนนี้พบได้บ่อยในพื้นที่ที่มีสุนัขหรือสัตว์ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก 5.พฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ เมื่อหมาหอนเหมือนกำลังร้องไห้ นี่อาจเป็นการพยายามเรียกร้องความสนใจ ความเหงาหรือความเบื่ออาจทำให้สุนัขต้องการปฏิสัมพันธ์ โดยเฉพาะหากพวกเขารู้สึกถูกละเลยหรือไม่ได้ออกกำลังกายเพียงพอ Read more…

วีธีป้องกันและกำจัดเห็ดหมัดในสุนัข❗️

ในประเทศไทยที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ความชื้นในอากาศสูง ถือเป็นช่วงเวลาทองของเหล่า “เห็บ” และ “หมัด” ซึ่งสามารถเติบโตและแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้พวกมันกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทั้งน้องหมา และเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคน เห็บและหมัดเป็นปรสิตภายนอกที่คอยกัดและดูดเลือดสัตว์เลี้ยงเพื่อดำรงชีวิต ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ผลกระทบที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่าที่คิด โดยเมื่อสัตว์เลี้ยงถูกกัด นอกจากจะมีอาการคันหรือระคายเคืองแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ •โรคโลหิตจาง (Anemia): เกิดจากการเสียเลือดสะสม อาจสังเกตได้จากอาการเหงือกซีดในสุนัข• •ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis): บริเวณที่ถูกกัดจะมีการอักเสบ คัน แดง หรือมีตุ่มขึ้น • ภาวะแพ้น้ำลายหมัด (Flea Bite Allergy): สัตว์เลี้ยงบางตัวอาจแพ้น้ำลายของหมัด ทำให้มีอาการคันมากผิดปกติ • โรคพยาธิในเลือด (Blood Parasite): เป็นโรคที่ติดต่อผ่านเห็บ เช่น พยาธิเม็ดเลือด ที่อาจทำให้น้องหมาอ่อนแรง Read more…

วัคซีนสำคัญที่เจ้าของสุนัขที่ต้องรู้ 🐶💉

(1) วัคซีนรวม (DHPP) เป็นการป้องกันโรคที่มีความเสี่ยงและรุนแรงหลายโรคในเวลาเดียวกัน จำเป็นต้องฉีดทุกตัว ไม่ว่าพันธุ์ไหนหรืออาศัยอยู่ที่ใด ป้องกันโรคไข้หัดสุนัข (Distemper) ไวรัสลำไส้อักเสบ (Parvovirus) ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis) หวัดสุนัข (Parainfluenza) โรคฉี่หนู (Leptospirosis) เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6-8 สัปดาห์ และฉีดกระตุ้นตามกำหนด (2) วัคซีนพิษสุนัขบ้า (Rabies Vaccine) เป็นวัคซีนที่สำคัญมากทั้งสำหรับสัตว์เลี้ยงและความปลอดภัยของคนรอบข้าง เนื่องจากโรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่มีอัตราการรุนแรงและอันตรายสูง ซึ่งสามารถติดต่อจากสัตว์ไปยังมนุษย์ได้ผ่านการกัดหรือข่วนโดยสัตว์ที่ติดเชื้อ ฉีดเมื่ออายุประมาณ 3 เดือน และกระตุ้นทุกปี (3) วัคซีนป้องกันโรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis Vaccine) เป็นวัคซีนที่มีความสำคัญสำหรับสุนัขที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสกับแบคทีเรีย Leptospira ซึ่งพบได้ในแหล่งน้ำสกปรกหรือสิ่งแวดล้อมที่มีสัตว์ติดเชื้อ เช่น หนูและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรีย Read more…

5 วิธีสังเกตอาการฮีทสโตรกในสุนัข

1.หอบหนักและหายใจลำบาก 2.น้ำลายไหลมากผิดปกติ 3.ง่วงและซึมเซา 4.หมดสติหรืออาเจียน 5.สีเหงือกเปลี่ยน โรคฮีทสโตรกสุนัขเกิดจากสาเหตุใด? โรคฮีทสโตรกสุนัขเกิดจากอุณหภูมิในร่างกายของน้องหมาสูงขึ้นจนร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน ซึ่งหากอุณหภูมิร่างกายสูงเกินเกณฑ์ปลอดภัย (ประมาณ 106°F หรือ 41°C) ก็อาจทำให้เกิดผลที่ร้ายแรงตามมาได้ ถือเป็นภาวะที่รุนแรงและอันตรายถึงชีวิตi แล้วเพราะอะไรจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้? น้องหมาควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้เย็นลงโดยการหอบ การระบายความร้อนทางจมูก และ การระบายความร้อนที่บริเวณอุ้งเท้า อย่างไรก็ตาม บางครั้งปัจจัยภายนอก เช่น อุณหภูมิสูง ความชื้นที่มากเกินไป หรือการติดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด (เช่น ภายในรถยนต์) อาจทำให้ร่างกายระบายความร้อนไม่ทัน การปฐมพยาบาลโรคฮีทสโตรกในสุนัข วิธีป้องกันโรคฮีทสโตรกในสุนัข โรคฮีทสโตรกในสุนัขเป็นปัญหาร้ายแรง แต่หากรู้วิธีรับมืออย่างเหมาะสม อาการก็จะบรรเทาลง ด้วยเหตุนี้ผู้เลี้ยงทุกคนจึงควรเรียนรู้และทำความเข้าใจโรคนี้กันให้ดี อย่างไรก็ตาม คุณสามารถพาน้องหมาออกไปเล่นคาบของหรือเดินเล่นในช่วงฤดูร้อนได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องคอยสังเกตท่าทางหรืออาการผิดปกติของน้องหมาอยู่เสมอ แหล่งที่มา https://www.pedigree.co.th/caring/medical-care/heat-stroke-in-dogs

อาหารเม็ดvsอาหารเปียกแบบไหนเหมาะกับสุนัขของคุณ

การเลือกอาหารเม็ดหรืออาหารเปียกสำหรับสุนัขขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ ขนาดสุขภาพ และความชอบของสุนัขตัวนั้นๆ แต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป อาหารเม็ด ✅ ข้อดี:• สะดวก เก็บได้นาน ไม่เสียง่าย• ช่วยขัดฟัน ลดคราบหินปูน• มีสารอาหารครบถ้วน คำนวณปริมาณได้ง่าย• ราคาถูกกว่าต่อหน่วย ❌ ข้อเสีย:• บางตัวอาจไม่ชอบเพราะแข็งและแห้ง• ต้องให้สุนัขดื่มน้ำเยอะ ๆ เพราะมีน้ำน้อย อาหารเปียก ✅ ข้อดี:• กลิ่นหอม รสชาติดี เหมาะกับสุนัขกินยาก• มีน้ำเยอะ ช่วยให้สุนัขได้รับน้ำเพิ่ม• เหมาะกับสุนัขแก่ หรือมีปัญหาฟัน ❌ ข้อเสีย:• เสียง่าย ต้องแช่ตู้เย็นถ้าเปิดแล้ว• ไม่ช่วยขัดฟัน ต้องดูแลสุขภาพช่องปากเพิ่ม• ราคาสูงกว่าต่อหน่วย แบบไหนดีกว่า?• Read more…

Facebook